ร้านอาหาร ไทย จีน อิสาน และยุโรป ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อย ใจกลางเมืองอุบลราชธานี
วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561
“กระชาย” ราชาแห่งสมุนไพร
สมุนไพรที่ช่วยในเรื่องของการระบาย และยังสามารถนำมาประกอบเป็นอาหารเมนูเด็ดต่างๆ ก็คงต้องยกให้กระชาย เนื่องจากกระชายเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ให้ประโยชน์ทั้งในด้านของการทำอาหาร การนำมาใช้ในการรักษาโรค และยังให้ประโยชน์อีกหลายๆ ด้าน อยากรู้ว่ากระชายมีดีอะไรบ้าง เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ
กระชายกระชายถือเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลโสม มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรที่เหมือนกับโสม แต่จะมีการระบายออกตามธรรมชาติ ซึ่งต่างจากโสมที่จะไม่มีการระบายออก แต่จะติดค้างและหมุนเวียนอยู่ในกระแสเลือด ในส่วนของประเภทของสมุนไพรกระชายนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกันคือ กระชายดำ กระชายแดง และกระชายเหลือง นอกจากนี้กระชายถือเป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีการนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู ในปัจจุบันนี้คนจีนก็ได้หันมากินกระชายแทนโสมกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีราคาที่ถูก สามารถหาซื้อได้ง่าย และยังปลอดภัยต่อร่างกายอีกด้วย
ประโยชน์ของกระชาย
1.เป็นเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย
กระชายสามารถนำเอามาทำเป็นเครื่องดื่มบำรุงได้เป็นอย่างดี เพียงนำกระชายมาปั่นกับน้ำแล้วดื่ม วิธีนี้นอกเหนือจากจะช่วยบำรุงร่างกายได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าได้ดี
2.บำรุงเส้นผมให้มีความแข็งแรง
สำหรับใครที่มีปัญหาในเรื่องเส้นผมเสียหรือบาง บอกเลยว่ากระชายมีคุณสมบัติช่วยในการทำให้เส้นผมกลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม แถมยังสามารถเปลี่ยนผมขาวให้กลับมาดำเงางามได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาผมบางอย่างน่ากลุ้มใจให้กลับมาหนาขึ้นอย่างมีสุขภาพดี และที่สำคัญยังช่วยแก้ปัญหาผมหงอกและผมร่วงได้อีกด้วย
3.ช่วยดับกลิ่นคาวของอาหาร
หากมีปัญหาในระหว่างที่ทำอาหารอย่างเช่น อาหารมีกลิ่นคาวจนเกินไป แนะนำให้เอารากของกระชายมาดับกลิ่น รับรองได้ผลอย่างแน่นอน เพราะรากกระชายจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อและปลา โดยเฉพาะปลาไหล ปลาดุก ปลากุลา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการทำให้อาหารมีกลิ่นที่หอมและยังให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จนน่าลิ้มลองเลยทีเดียว
4.ช่วยกำจัดแมลง
ใครที่มักมีปัญหากับแมลงที่มากวนใจบ่อยๆ และไม่รู้จะใช้วิธีไหนที่ปลอดภัยกับคนในบ้าน ขอบอกเลยว่ารากกระชายช่วยได้ แค่เพียงเอารากกระชายมาตำกับตะไคร้ ข่า หอมแดง และใบสะเดาแก่ จากนั้นนำมาผสมเข้ากับน้ำ ฉีดตามบริเวณที่มีแมลงมารบกวน แค่นี้ก็ช่วยให้คุณปลอดภัยจากแมลงและยาที่ใช้ในการกำจัดแมลงได้แล้ว
5.ช่วยต้านการอักเสบ
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่ากระชายนั้นมีฤทธิ์ที่ช่วยในการต้านการอักเสบ ซึ่งหากทานกระชายเป็นประจำ ก็ย่อมได้ผลคล้ายกับการทานยาแอสไพรินนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยป้องกันการเกิดโรคที่มีสาเหตุจากการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี
6.ช่วยรักษาสารพัดโรค
นอกเหนือจากประโยชน์ที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว กระชายและส่วนต่างๆ ของมันยังมีส่วนช่วยในการรักษาโรคต่างๆ ได้อีกมากมาย เช่น แก้อาการวิงเวียนศีรษะ แน่นหน้าอก บำรุงกระดูก ป้องกันไม่ให้กระดูกเปราะบาง บำรุงสมอง ปรับสมดุลของความดันโลหิต ช่วยแก้โรคในปาก ไม่ว่าจะเป็น ปากเปื่อย ปากแห้ง ปากเป็นแผล แก้บิด รักษาอาการท้องเดินในเด็ก รักษาโรคกระเพาะ ช่วยบำรุงตับ บำรุงไตให้แข็งแรงและสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญยังช่วยป้องกันไทรอยด์เป็นพิษได้อีกด้วย
7.แก้ฝ้าขาวในช่องปาก
ใครที่มีปัญหาเรื่องฝ้าขาวในช่องปาก สามารถรักษาให้หายได้ด้วยรากกระชาย โดยนำรากกระชายมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาบดให้ละเอียดโดยไม่ต้องปอกเปลือก ใส่ในขวดปิดฝาให้เรียบร้อยแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น นำมาทานก่อนอาหารครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 3 มื้อ ก่อนอาหารประมาณ 15 นาที ทานติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ฝ้าขาวที่เกิดขึ้นในช่องปากจะหายไป
8.แก้อาการท้องร่วงและท้องเดิน
หากมีอาการท้องร่วงและท้องเดิน แนะนำให้ใช้เหง้ากระชายสดประมาณ 1-2 เหง้า โดยนำเหง้าไปปิ้งแล้วนำมาฝนหรือตำให้ละเอียด ผสมเข้ากับน้ำปูนใส ทานวันละ 1-2 ช้อนชา แค่นี้ก็ช่วยให้อาการดังกล่าวหายดีขึ้น
9.รักษาโรคน้ำกัดเท้า
เริ่มจากการนำรากกระชายทั้งเปลือกมาล้างให้สะอาด แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง ฝานรากให้เป็นแว่นๆ แล้วนำมาบดให้เป็นผงหยาบๆ จากนั้นนำน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกมาอุ่นในหม้อ เติมผงรากกระชายที่ได้ โดยอัตราส่วนควรให้น้ำมันมีปริมาณที่มากกว่าผงรากกระชายประมาณ 3 เท่า หุงด้วยไฟอ่อนประมาณ 15-20 นาที แล้วนำมากรองรากกระชายออก เก็บส่วนที่เป็นน้ำมันไว้เพื่อใช้สำหรับทาที่บริเวณที่เกิดแผลน้ำกัดเท้า จะช่วยรักษาแผลดังกล่าวได้
ข้อควรระวังในการกินและการใช้กระชาย
👉ไม่ควรทานกระชายต่อเนื่อง หรือติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากกระชายมีฤทธิ์ร้อน จึงอาจส่งผลให้เกิดอาการของโรคร้อนใน หรือแผลในปากตามมา
จากการศึกษาพบว่า การบริโภคกระชายในปริมาณมาก มีผลทำให้เกิดปัญหาเหงือกร่นและเกิดภาวะใจสั่นได้
ฤทธิ์ของกระชาย มีผลต่อการทำงานของตับ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับทุกชนิดไม่ควรบริโภคกระชายเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น หรือไม่ก็ควรบริโภคให้น้อยที่สุด
สมุนไพรทุกชนิด ไม่ใช่แค่กระชายเท่านั้นล้วนแต่เป็นยารักษาโรคที่ดี และในขณะเดียวกัน ถ้าหากใช้มากเกินไปก็อาจจะกลายเป็นยาพิษสำหรับร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นจึงควรบริโภคแต่พอเหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หอมหัวใหญ่ที่ไม่ได้ใหญ่แค่ชื่อ
วันนี้เรามีเรื่องราวเกี่ยวกับฟหัวหอมมาแบ่งปัน ในช่วงที่โรคไข้หวัดมาแรง ทำให้คนติดโรคไข้หวัดใหญ่เยอะมาก หัวหอมช่วยป้องการโรคไข้หวัดใหญ่ได้ และ “Health Times” ก็เคยมีรายงานว่า หอมหัวมีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อย่างดี และชาวต่างชาติส่วนใหญ่ก็ชอบทานหัวหอมทั้งนั้น มาทำความรู้จักสรรพคุณขอหอมหัวใหญ่กันเลยค่ะ
หอมใหญ่ ไม่ใช่แค่ผักธรรมดาที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ และไม่ได้ใหญ่แต่ชื่อและขนาด แต่สรรพคุณยังยิ่งใหญ่ด้วย เพราะช่วยป้องกันและรักษา โรคสำคัญๆ ได้หลายโรค ทั้งแพทย์และนักวิชาการได้ทำการวิเคราะห์หาสารสำคัญในหัวหอม พบว่าอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารประกอบที่จำเป็นต่อร่างกายกว่า 300 ชนิด อาทิ แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กำมะถัน ซีลีเนียม เบตาแคโรทีน กรดโฟลิก เควอซิทินฟลาโวนอยด์ ไกลโคไซด์ เพคติน กลูโคคินิน ฯลฯ
สรรพคุณของหอมหัวใหญ่
1. ในหัวหอมนั้นอุดมไปด้วยซีลีเนียมและเควอซิทิน ซีลีเนียมเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันและชะลอความชรา จะช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งและลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ ส่วนสารเควอซิทินจะช่วยต่อต้านการทำงานของเซลล์มะเร็งและป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ เคยมีการวิจัยระบุว่า คนที่ไม่กินหัวหอมจะมีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารสูงว่าคนชอบกินหัวหอมถึง 25%
2. ในหัวหอมมีสารอาหารหลายชนิด ในหัวหอม 100 กรัม จะมีวิตามินเอ 5 มิลลิกรัม วิตามินซี 9.3 มิลลิกรัม แคลเซียม 40 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม เหล็ก 8 มิลลิกรัม และสารอาหารอีก 18 ชนิดมีบทบาทสำคัญในการลดความดันโลหิตสูง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
3. หัวหอมช่วยขับปัสสาวะได้ และยังช่วยให้เซลล์ได้รับกลูโคสอย่างดี
4. หัวหอมยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมได้ โรคมะเร็งเต้านมทั้งทำร้ายร่างกายและจิตใจของผู้หญิง ในฝรั่งเศสเคยมีการวิจัยว่า ผู้หญิงที่รับประทานหัวหอมและกระเทียมเยอะ โอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมก็จะลดลง
คำแนะนำและข้อควรรู้เกี่ยวกับหอมหัวใหญ่
🥙หอมหัวใหญ่มีฤทธิ์อุ่น ให้รสเผ็ดร้อน ไม่มีพิษ เข้าเส้นลมปราณ ปอด และกระเพาะอาหาร โดยหอมใหญ่ดิบจะมีฤทธิ์สุขุม ส่วนหอมใหญ่สุกจะมีฤทธิ์อุ่น แม้หัวหอมใหญ่จะเป็นผักที่มีกลิ่นฉุนมาก จนทำให้คนส่วนใหญ่ไม่อยากรับประทาน หรือหันไปรับประทานแบบชุบแป้งทอด การเจียว หรือการใช้ในการปรุงแต่งอาหารอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้าอยากจะรับประทานแบบให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพจริง ๆ แนะนำว่าให้รับประทานแบบสด ๆ จะดีที่สุด
🥙 การรับประทานหัวหอมใหญ่แบบสด (หรือรับประทานร่วมกับอาหารอื่น ๆ) เพียงวันละครึ่งหัวถึงหนึ่งหัวเป็นเวลา 2 เดือน ก็จะเห็นผลต่อสุขภาพโดยภาพรวมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง
🥙สมุนไพรหอมใหญ่ แม้ว่าสรรพคุณหัวหอมใหญ่จะมีอยู่มากมาย แต่เนื่องจากหอมใหญ่เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่นและมีรสเผ็ด การนำมาใช้ในแต่ละบุคคล ควรคำนึงถึงสภาพร่างกายและโรคของผู้ป่วยด้วย ซึ่งฤทธิ์ดังกล่าวสามารถช่วยขับความเย็น ทำให้หยางทะลุทะลวงไปยังส่วนต่าง ๆ ช่วยกำจัดพิษและปัจจัยที่กระทบจากภายนอกเนื่องจากความเย็นได้ดี แต่ไม่มีฤทธิ์ในการบำรุงหยางในร่างกาย
🥙เมื่อใช้ไปนาน ๆ อาจจะทำให้ร่างกายเสียพลังได้ง่าย เช่น ในกรณีผู้ป่วยหอบหืดที่มีพลังอ่อนแออยู่แล้ว แทนที่จะมีอาการหอบดีขึ้น แต่กลับจะทำให้อาการหอบหืดกำเริบมากขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น ดังนั้นจึงควรรู้ถึงข้อดีและข้อเสียเพื่อนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมด้วย จึงจะเกิดประโยชน์ต่อร่างกายอย่างสูงสุด
🥙การรับประทานหัวหอมใหญ่ในปริมาณมากหรือรับประทานติดต่อกันนานเกินไป อาจจะทำลายจิตประสาท ทำให้จิตฟุ้งซ่าน ลืมง่าย ความจำเสื่อม มีอาการตามัว พลังและเลือดถูกทำลาย ทำให้เส้นเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ทำให้โรคต่าง ๆ ที่เป็นอยู่หายช้าและเรื้อรัง และยังไปทำลายสมรรถภาพทางเพศ
🥙 เมื่อคุณมีอาการปวดศีรษะเนื่องจากความเครียดหรือจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ มีคำแนะนำว่าไม่ควรจะรับประทานหัวหอมใหญ่ (ข้อมูลจาก : คุณหมอบุชฮอล์ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์)
🥙 อย่างไรก็ตามไม่ควรรับประทานหัวหอมใหญ่สดในขณะที่ท้องว่าง เพราะอาจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง ทำให้เยื่อบุในกระเพาะเกิดการอักเสบได้
🥙 สำหรับผู้ที่ถูกสัตว์มีพิษมีเขี้ยวกัด ไม่ควรรับประทานหอมใหญ่ เพราะการรับประทานหัวหอมใหญ่จะทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น ทำให้พิษแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
หอมใหญ่ ไม่ใช่แค่ผักธรรมดาที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ และไม่ได้ใหญ่แต่ชื่อและขนาด แต่สรรพคุณยังยิ่งใหญ่ด้วย เพราะช่วยป้องกันและรักษา โรคสำคัญๆ ได้หลายโรค ทั้งแพทย์และนักวิชาการได้ทำการวิเคราะห์หาสารสำคัญในหัวหอม พบว่าอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารประกอบที่จำเป็นต่อร่างกายกว่า 300 ชนิด อาทิ แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กำมะถัน ซีลีเนียม เบตาแคโรทีน กรดโฟลิก เควอซิทินฟลาโวนอยด์ ไกลโคไซด์ เพคติน กลูโคคินิน ฯลฯ
สรรพคุณของหอมหัวใหญ่
1. ในหัวหอมนั้นอุดมไปด้วยซีลีเนียมและเควอซิทิน ซีลีเนียมเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันและชะลอความชรา จะช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งและลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ ส่วนสารเควอซิทินจะช่วยต่อต้านการทำงานของเซลล์มะเร็งและป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ เคยมีการวิจัยระบุว่า คนที่ไม่กินหัวหอมจะมีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารสูงว่าคนชอบกินหัวหอมถึง 25%
2. ในหัวหอมมีสารอาหารหลายชนิด ในหัวหอม 100 กรัม จะมีวิตามินเอ 5 มิลลิกรัม วิตามินซี 9.3 มิลลิกรัม แคลเซียม 40 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม เหล็ก 8 มิลลิกรัม และสารอาหารอีก 18 ชนิดมีบทบาทสำคัญในการลดความดันโลหิตสูง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
3. หัวหอมช่วยขับปัสสาวะได้ และยังช่วยให้เซลล์ได้รับกลูโคสอย่างดี
4. หัวหอมยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมได้ โรคมะเร็งเต้านมทั้งทำร้ายร่างกายและจิตใจของผู้หญิง ในฝรั่งเศสเคยมีการวิจัยว่า ผู้หญิงที่รับประทานหัวหอมและกระเทียมเยอะ โอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมก็จะลดลง
คำแนะนำและข้อควรรู้เกี่ยวกับหอมหัวใหญ่
🥙หอมหัวใหญ่มีฤทธิ์อุ่น ให้รสเผ็ดร้อน ไม่มีพิษ เข้าเส้นลมปราณ ปอด และกระเพาะอาหาร โดยหอมใหญ่ดิบจะมีฤทธิ์สุขุม ส่วนหอมใหญ่สุกจะมีฤทธิ์อุ่น แม้หัวหอมใหญ่จะเป็นผักที่มีกลิ่นฉุนมาก จนทำให้คนส่วนใหญ่ไม่อยากรับประทาน หรือหันไปรับประทานแบบชุบแป้งทอด การเจียว หรือการใช้ในการปรุงแต่งอาหารอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้าอยากจะรับประทานแบบให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพจริง ๆ แนะนำว่าให้รับประทานแบบสด ๆ จะดีที่สุด
🥙 การรับประทานหัวหอมใหญ่แบบสด (หรือรับประทานร่วมกับอาหารอื่น ๆ) เพียงวันละครึ่งหัวถึงหนึ่งหัวเป็นเวลา 2 เดือน ก็จะเห็นผลต่อสุขภาพโดยภาพรวมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง
🥙สมุนไพรหอมใหญ่ แม้ว่าสรรพคุณหัวหอมใหญ่จะมีอยู่มากมาย แต่เนื่องจากหอมใหญ่เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่นและมีรสเผ็ด การนำมาใช้ในแต่ละบุคคล ควรคำนึงถึงสภาพร่างกายและโรคของผู้ป่วยด้วย ซึ่งฤทธิ์ดังกล่าวสามารถช่วยขับความเย็น ทำให้หยางทะลุทะลวงไปยังส่วนต่าง ๆ ช่วยกำจัดพิษและปัจจัยที่กระทบจากภายนอกเนื่องจากความเย็นได้ดี แต่ไม่มีฤทธิ์ในการบำรุงหยางในร่างกาย
🥙เมื่อใช้ไปนาน ๆ อาจจะทำให้ร่างกายเสียพลังได้ง่าย เช่น ในกรณีผู้ป่วยหอบหืดที่มีพลังอ่อนแออยู่แล้ว แทนที่จะมีอาการหอบดีขึ้น แต่กลับจะทำให้อาการหอบหืดกำเริบมากขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น ดังนั้นจึงควรรู้ถึงข้อดีและข้อเสียเพื่อนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมด้วย จึงจะเกิดประโยชน์ต่อร่างกายอย่างสูงสุด
🥙การรับประทานหัวหอมใหญ่ในปริมาณมากหรือรับประทานติดต่อกันนานเกินไป อาจจะทำลายจิตประสาท ทำให้จิตฟุ้งซ่าน ลืมง่าย ความจำเสื่อม มีอาการตามัว พลังและเลือดถูกทำลาย ทำให้เส้นเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ทำให้โรคต่าง ๆ ที่เป็นอยู่หายช้าและเรื้อรัง และยังไปทำลายสมรรถภาพทางเพศ
🥙 เมื่อคุณมีอาการปวดศีรษะเนื่องจากความเครียดหรือจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ มีคำแนะนำว่าไม่ควรจะรับประทานหัวหอมใหญ่ (ข้อมูลจาก : คุณหมอบุชฮอล์ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์)
🥙 อย่างไรก็ตามไม่ควรรับประทานหัวหอมใหญ่สดในขณะที่ท้องว่าง เพราะอาจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง ทำให้เยื่อบุในกระเพาะเกิดการอักเสบได้
🥙 สำหรับผู้ที่ถูกสัตว์มีพิษมีเขี้ยวกัด ไม่ควรรับประทานหอมใหญ่ เพราะการรับประทานหัวหอมใหญ่จะทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น ทำให้พิษแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2561
🍃🍃สะระแหน่ สมุนไพรไทย สรรพคุณเกินคำบรรยาย🍃🍃
สะระแหน่ (Peppermint/Mint) เป็นพืชสมุนไพรตามธรรมชาติที่มีการนำใบและน้ำมันมาใช้ประโยชน์ต่อสุขภาพมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังใช้เป็นยาพื้นบ้านสำหรับรักษาโรคและอาการต่าง ๆ เช่น บรรเทาอาการปวด ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร หรือใช้เป็นสารต้านเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้หลายคนอาจคุ้นเคยกับรสหรือกลิ่นของสะระแหน่จากยาสีฟัน ขนม อาหารจานต่าง ๆ รวมถึงใช้เป็นสารแต่งกลิ่นในสบู่และเครื่องสำอางอีกด้วย
สะระแหน่ อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ มากมาย เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม โฟลิค วิตามินซี วิตามินเอ เป็นต้น และในน้ำมันสะระแหน่ยังมี เมนทอล (Menthol) และเมนโทน (Menthone) เป็นส่วนประกอบหลักอีกด้วย นอกจากนี้ ประโยชน์อื่น ๆ ของสะระแหน่ที่ถูกกล่าวถึงและนำมาใช้ในทางการแพทย์ยังมีอีกมากมาย โดยที่หลายคนเชื่อว่าการรับประทานสะระแหน่อาจช่วยบรรเทาอาการหวัด อาการไอ การอักเสบของปากและลำคอ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร ลำไส้แปรปรวน รวมถึงน้ำมันสะระแหน่ยังนำไปใช้ทาที่ผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ รักษาอาการแพ้ ผื่นคัน หรือแม้กระทั่งใช้ไล่ยุงและแมลงต่าง ๆ แต่ข้อพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยยืนยันสรรพคุณ ประโยชน์ และความปลอดภัยของการรับประทานสะระแหน่ น้ำมันสะระแหน่ หรือการใช้น้ำมันหอมระเหยจากสะระแหน่ที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยในการรักษาโรคเหล่านี้
🍃🍃สรรพคุณของสะระแหน่🍃🍃
1. ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยลดอาการตึงเครียดทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยในการขับเหงื่อ ดับพิษร้อน เนื่องจากสะระแหน่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
2. ช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง ใช้รักษาอาการปวดหัว ปวดไมเกรน รักษาอาการวิงเวียน หน้ามืดตาลาย ใช้รักษาอาการไอ เป็นหวัดคัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล ใช้รักษาอาการโรคหอบหืด ใช้รักษาอาการของโรคหลอดลมอักเสบ
3. ช่วยรักษาอาการปวดฟัน ช่วยระงับกลิ่นปากให้หอมสดชื่น รักษาอาการปวดหู รักษาอาการเกิดเป็นแผลในช่องปาก ช่วยทำให้เลือดกำเดาหยุดไหล ช่วยในการไล่ยุง
4. ใช้รักษาอาการปวดที่ท้อง ท้องร่วง อาการปวดท้องเนื่องจากบิด รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยทำให้ลมในลำไส้สะอาดและช่วยย่อยอาหารได้ดีขึ้น ป้องกันลำไส้หดเกร็ง ใช้รักษาอาการถ่ายเป็นเลือด ใช้รักษาโรคไทรอยด์
5. ใช้รักษาอาการเนื่องจากถูกพิษของพวกแมลงสัตว์กัดต่อย มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อโรค อีกทั้งยังสามารถนำไปทำเป็นยาปฏิชีวนะ
6. บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ชาสะระแหน่และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันสะระแหน่ มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ลดการอักเสบในเยื่อบุจมูก บรรเทาอาการหลอดลมหดตัว ที่เป็นสาเหตุให้ทางเดินหายใจตีบแคบและมีอาการหอบหืด
7. แก้อาการคันผิวหนัง ตำใบสะระแหน่ให้ละเอียด จากนั้นพอกบริเวณผิวหนังที่มีอาการคัน หรือระคายเคืองความเย็นจากใบสะระแหน่จะช่วยผ่อนคลายผิวและบรรเทาอาการได้ดี
เรียกได้ว่าสรรพคุณและคุณประโยชน์ของสะระแหน่นั้นนอกจากจะช่วยบำรุงร่างกาย มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายแล้ว ยังมีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วลองมาทานสะระแหน่กันเถอะค่ะ จะทานเป็นผักเคียงอาหาร โรยหน้าเพิ่มความหอมของอาหาร หรือจะทานเป็นครื่องดื่มก็ได้ค่ะ
สะระแหน่ อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ มากมาย เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม โฟลิค วิตามินซี วิตามินเอ เป็นต้น และในน้ำมันสะระแหน่ยังมี เมนทอล (Menthol) และเมนโทน (Menthone) เป็นส่วนประกอบหลักอีกด้วย นอกจากนี้ ประโยชน์อื่น ๆ ของสะระแหน่ที่ถูกกล่าวถึงและนำมาใช้ในทางการแพทย์ยังมีอีกมากมาย โดยที่หลายคนเชื่อว่าการรับประทานสะระแหน่อาจช่วยบรรเทาอาการหวัด อาการไอ การอักเสบของปากและลำคอ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร ลำไส้แปรปรวน รวมถึงน้ำมันสะระแหน่ยังนำไปใช้ทาที่ผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ รักษาอาการแพ้ ผื่นคัน หรือแม้กระทั่งใช้ไล่ยุงและแมลงต่าง ๆ แต่ข้อพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยยืนยันสรรพคุณ ประโยชน์ และความปลอดภัยของการรับประทานสะระแหน่ น้ำมันสะระแหน่ หรือการใช้น้ำมันหอมระเหยจากสะระแหน่ที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยในการรักษาโรคเหล่านี้
🍃🍃สรรพคุณของสะระแหน่🍃🍃
1. ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยลดอาการตึงเครียดทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยในการขับเหงื่อ ดับพิษร้อน เนื่องจากสะระแหน่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
2. ช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง ใช้รักษาอาการปวดหัว ปวดไมเกรน รักษาอาการวิงเวียน หน้ามืดตาลาย ใช้รักษาอาการไอ เป็นหวัดคัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล ใช้รักษาอาการโรคหอบหืด ใช้รักษาอาการของโรคหลอดลมอักเสบ
3. ช่วยรักษาอาการปวดฟัน ช่วยระงับกลิ่นปากให้หอมสดชื่น รักษาอาการปวดหู รักษาอาการเกิดเป็นแผลในช่องปาก ช่วยทำให้เลือดกำเดาหยุดไหล ช่วยในการไล่ยุง
4. ใช้รักษาอาการปวดที่ท้อง ท้องร่วง อาการปวดท้องเนื่องจากบิด รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยทำให้ลมในลำไส้สะอาดและช่วยย่อยอาหารได้ดีขึ้น ป้องกันลำไส้หดเกร็ง ใช้รักษาอาการถ่ายเป็นเลือด ใช้รักษาโรคไทรอยด์
5. ใช้รักษาอาการเนื่องจากถูกพิษของพวกแมลงสัตว์กัดต่อย มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อโรค อีกทั้งยังสามารถนำไปทำเป็นยาปฏิชีวนะ
6. บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ชาสะระแหน่และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันสะระแหน่ มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ลดการอักเสบในเยื่อบุจมูก บรรเทาอาการหลอดลมหดตัว ที่เป็นสาเหตุให้ทางเดินหายใจตีบแคบและมีอาการหอบหืด
7. แก้อาการคันผิวหนัง ตำใบสะระแหน่ให้ละเอียด จากนั้นพอกบริเวณผิวหนังที่มีอาการคัน หรือระคายเคืองความเย็นจากใบสะระแหน่จะช่วยผ่อนคลายผิวและบรรเทาอาการได้ดี
เรียกได้ว่าสรรพคุณและคุณประโยชน์ของสะระแหน่นั้นนอกจากจะช่วยบำรุงร่างกาย มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายแล้ว ยังมีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วลองมาทานสะระแหน่กันเถอะค่ะ จะทานเป็นผักเคียงอาหาร โรยหน้าเพิ่มความหอมของอาหาร หรือจะทานเป็นครื่องดื่มก็ได้ค่ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
เม็ดแมงลัก สมุนไพรเด็ด ช่วยให้หุ่นสวย สุขภาพดี
เม็ดแมงลัก ไม่ได้มี สรรพคุณ ในการลดน้ำหนักโดยตรง แต่หากต้องการตัวช่วยเพื่อควบคุมการรับประทานอาหาร และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น เม็ดแมง...

-
ปลากะพงจัดอยู่ในปลาน้ำจืด ที่มี คุณค่าทางอาหาร สูงกว่าปลาทั่วๆ ไป เนื่องจากปลาชนิดอื่นๆ จำนวน 100 กรัม จะให้โปรตีนอยู่ที่ 17-22 กรัม ในขณะท...
-
หากจะพูดถึงอาหารทะเลที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้น "กุ้ง" (Shrimp) สุดยอดวัตถุดิบหลักที่มีประโยชน์ ซึ่งเมนูสร้างช...
-
สลัดหลวงพระบาง (ຍຳ ຜັກສະຫຼັດ ຫຼວງພະບາງ) นั้นเป็นอาหารที่มีชื่อบ่งบอกถึงภูมิศาสตร์ของอาหารว่าเป็นของเมืองหลวงพระบาง แต่ที่มาของอาหารจานนี้...