ร้านอาหาร ไทย จีน อิสาน และยุโรป ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อย ใจกลางเมืองอุบลราชธานี
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561
ประโยชน์ของพริกป่น ที่มีมากกว่ารสชาติที่เผ็ดร้อน
พริกป่น เป็นอาหารหรือส่วนประกอบในอาหารที่มีมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีวิธีการที่นำไปใช้ประกอบอาหารมากมาย อาทิ การนำมาเป็นเครื่องปรุงอาหารที่เพิ่มรสชาติภายในร้านอาหารตามสั่ง หรือร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งหากพูดถึงพริกป่นส่วนใหญ่ทุกคนมักจะนึกถึงรสชาติที่เผ็ดร้อนของพริกเป็นอันดับแรก โดยไม่เคยรู้เลยว่าในรสชาติที่เผ็ดร้อนนั้นมีคุณค่าทางอาหารและประโยชน์มากมาย ซึ่งมีดังต่อไปนี้
1. ในพริกมี วิตามินเอ, วิตามินซี, แคลเซียม และธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันหัวใจ
2. ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
3. ในพริกมีสารที่เรียกว่า แคปไซซิน ช่วยให้เกิดอาการตื่นตัว
4. ในสารที่เรียกว่า แคปไซซิน ในพริกยังมีความสามารถช่วยกำจัดเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และมะเร็งผิวหนังกับมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยไม่ทำลายเซลล์ดีในร่างกาย
5. พริกป่นสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อหลัง
6. พริกป่นช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
7. ใช้ลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนัก
8. ช่วยคลายเครียด
9. พริกป่นช่วยลดไขมัน ป้องกันลิ่มเลือดจับตัว
10. ช่วยขยายหลอดลม ช่วยขับเสมหะและเปิดคอให้โล่งขึ้น ในกรณีคนที่เป็นภูมิแพ้ การกินรสเผ็ดจะช่วยได้ดี
11. ในพริกป่นมีสารที่ช่วยกระตุ้น ให้เกิดกระบวนการดีท็อกซ์หรือทำความสะอาดร่างกายด้วยตัวเอง
12. พริกป่นช่วยไม่ให้เมือกเสียๆ มาจับตัวกันภายในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
13. ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต ขับเหงื่อ
รู้ประโยชน์ของพริกป่นแล้ว ลองหันมาทานพริกที่มีรสชาติเผ็ดร้อนกันดูเพื่อสุขภาพที่ดี แต่อย่าลืมว่าเมื่อมีประโยชน์ก็มีโทษเช่นกัน ในคนที่เป็นโรคกระเพาะหรือแผลในกระเพาะอาหาร การทานพริกป่นที่มีรสชาติเผ็ดร้อนอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและก่อเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้เช่นกัน ซึ่งไม่เพียงที่กระเพาะอาหารเท่านั้นในส่วนที่เป็นแผลที่อื่นๆในระบบทางเกินอาหาร เช่น ริดสีดวงทวาร และแผลในลำไส้ ก็อาจเกิดการระคายเคืองเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกทานในเวลาที่หายจากโรคหรือแผลในระบบทางเดินอาหารแล้วและทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดี
วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561
สรรพคุณฟักทองที่ได้อ่านแล้วต้องชอบกินแน่นอน
ฟักทองนั้นเป็นพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงมากเมื่อเทียบกับผักผลไม้อื่นๆ อีกทั้งยังมีแคลอรีต่ำ จึงทำให้ฟักทองนั้นเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการควบคุมอาหาร ประโยชน์จากฟักทองนั้นได้มาจากหลายๆส่วน ไม่ใช่ได้มาจากเพียงผลฟักทอง อาทิเช่น
ใบฟักทอง
ใบอ่อนของฟักทองนั้นสามารถรับประทานได้ โดยมีการกินกันในหลายภูมิภาค เช่นในทวีปแอฟริกา รวมถึงในประเทศไทยเองด้วย ใบฟักทองอุดมไปด้วยธาตุสังกะสี เหล็ก แคลเซียม และยังมียอดฟักทองที่ให้วิตามินเอสูงมาก และเนื่องจากวิตามินเอละลายในน้ำมัน การผักยอดฟักทองกับน้ำมันจึงเหมาะสมที่สุด เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ดี
ผลฟักทอง
เป็นทรงแบน สีเขียวเข้ม เนื้อในสีเหลืองส้ม ผลฟักทองเป็นที่นิยมในการประกอบเป็นอาหารชนิดต่างๆไปทั่วโลก เช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการนำไปอบ ย่าง บดใส่ซุป ในบราซิลและแอฟริกามักทำเป็นซุป ในญี่ปุ่นนำมาทำเป็นเทมปุระ ซึ่งก็คือการชุบแป้งทอด และในประเทศไทยบ้านเรามีการนำมาประกอบอาหารหลากหลาย ทั้งผัดใส่ไข่ แกงเผ็ดฟักทอง
น้ำจากเนื้อฟักทองช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้
จากงานวิจัยในจีน พบว่าน้ำตาลโพลีแซคคาไรด์จากโปรตีนในเนื้อฟักทองมีฤทธิ์ช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือดได้ น้ำตาลชนิดนี้ละลายได้ในน้ำคั้นผลฟักทอง นักวิทยาศาสตร์ได้ทดสอบกับหนูที่เป็นเบาหวาน ได้ผลออกมาว่าระดับอินซูลินเพิ่มขึ้น น้ำตาลในเลือดลดลง อีกทั้งยังเพิ่มการทนต่อกลูโคส และยังพบอีกว่า สารสกัดน้ำตาลชนิดนี้ในปริมาณที่เหมาะสมนั้นดีกว่าปริมาณที่ต่ำเกินไปและดีกว่ากลุ่มที่ได้รับยาเบาหวานอีกด้วย
เมล็ดฟักทอง
มักทานเป็นอาหาร ขนมขบเคี้ยว ด้วยการคั่ว อุดมไปด้วยแร่ธาตุเหล็ก สังกะสี โพแทสเซียม แมกนีเซียม กรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายชนิดต่างๆ
น้ำมันเมล็ดฟักทอง
มักใช้ในการปรุงอาหารในแถบประเทศยุโรปตะวันออก และยุโรปตอนกลาง น้ำมันเมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยวิตามินอี กรดไขมันไม่อิ่มตัว น้ำมันเมล็ดฟักทองก็มีประโยชน์หลายอย่าง สามารถป้องกันต่อมลูกหมากโต ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ซึ่งมีประสิทธิภาพมากในผู้ป่วยเบาหวาน ลดความดันเลือด ลดคอเลสเตอรอล ช่วยบรรเทาโรคปวดข้อเข่า และยังใช้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เต้านม ปอด ลำไส้ใหญ่อีกด้วย
วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561
ผักบ้านๆ มีคุณประโยชน์มากมายที่หลายคนคาดไม่ถึง
พืชผักทางการเกษตรของประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็สามารถหากินได้อย่าง สะดวกสบาย แต่เพื่อนๆ เคยรู้กันหรือไม่ ? ว่าพืชผักที่ปลูกหลังบ้าน หรือ ข้างริมรั้ว ของเรานั้น มันมีประโยชน์มากแค่ไหน ทำไมผักบ้างชนิดที่หาง่ายในบ้านเราถึงเป็นที่ต้องการสูงในต่างประเทศ
1. ชะพลู ผักบ้านๆ ที่หากินกันได้ทั่วไป ซึ่งมีสรรพคุณในเรื่อง ขับลม แก้อาการท้องอืด บำรุงธาตุ ขับเสมหะ สำหรับประโยชน์ของชะพูลในเรื่องสุขภาพ ได้แก่ ใบชะพลูมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณมาก ซึ่งช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยในการมองเห็น ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน แก้โรคตาฟาง ช่วยในการขับถ่าย เนื่องจากมีเส้นใยในปริมาณมาก และใบชะพลูมีรสเผ็ดร้อน ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ชะพลูยังมี วิตามินเอและธาตุแคลเซียมในปริมาณสูงเป็นพิเศษ มีธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัส คลอโรฟิลล์ เส้นใยอีกด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายแทบทั้งสิ้น
2. ผักปลัง เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารหลากหลาย เช่น มีแคลเซียมและธาตุเหล็กสูง อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี นิยมใช้ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน นำมาลวกหรือต้มให้สุก ใช้รับประทานร่วมกับน้ำพริก สำหรับคุณประโยชน์ที่ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกอ่อน ของผักปลัง มีสารเบตาแคโรทีนที่ช่วยบำรุงดวงตา และยังมีสารที่มีคุณสมบัติเป็นสารช่วยป้องกันมะเร็ง ทั้งต้นของผักปลังมีรสเย็น ช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้อาการร้อนใน ทำให้เลือดเย็นขึ้น ช่วยแก้อาการท้องผูก ยอดอ่อนหรือใบยอดอ่อนสดจะมีเส้นใย ช่วยหล่อลื่นลำไส้ และเป็นยาระบายอ่อนๆ ที่เหมาะสำหรับเด็กและสตรีตั้งครรภ์ เมื่อนำมาต้มรับประทานเป็นอาหารจะช่วยแก้อาการท้องผูกได้
3. ย่านาง เป็นสมุนไพรเย็น มีคลอโรฟิลล์สดจากธรรมชาติ และยังมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เบต้าแคโรทีนในปริมาณค่อนข้างสูง สำหรับสรรพคุณของย่าน่างมีหลากหาย ได้แก่ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก จึงช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วและความแก่ชราอย่างได้ผล ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้ อาเจียนได้ รวมไปถึงช่วยรักษาอาการของโรคเบาหวาน ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้อีกด้วย
4. ผักกูด เป็นผักที่มีรสจืดอมหวานและกรอบ ยอดอ่อนและใบอ่อนนิยมนำมาบริโภค โดยนำมาปรุงเป็นอาหารได้อย่างหลากหลาย ด้วยการนำมายำ ผัด ทำเป็นแกงจืด แกงเลียง แกงส้ม แกงแคร่วมกับผักชนิดต่าง ๆ สำหรับสรรพคุณของผักกูดมีหลายอย่าง ได้แก่ ช่วยบำรุงโลหิต เนื่องจากผักกูดเป็นผักที่มีธาตุเหล็กมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ผักกูดเป็นผักที่มีเส้นใยอาหารสูงมาก จึงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างดี นอกจากนี้ในผักกูดอุดมไปด้วยธาตุเหล็กและเบตาแคโรทีน การรับประทานผักกูดร่วมกับเนื้อสัตว์จะช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ได้ดีขึ้น และยังช่วยบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพดีอีกด้วย
5. ผักหวานบ้าน เป็นผักที่มีวิตามินเอมากเป็นพิเศษ ซึ่งวิตามินเอมีประโยชน์กับสายตา มีวิตามินเค ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องการช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อมีบาดแผลแล้วเลือดออก ทำให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมสร้างเซลล์กระดูกและเนื้อเยื่อในไต นอกจากนี้ใบผักหวานยังมีสรรพคุณในการแก้บวม แก้หัด ส่วนรากมีสรรพคุณลดอาการบวม รวมไปถึงใช้เป็นยาบำรุงสุขภาพสำหรับสตรีหลังคลอดได้
งั้นมาลองเมนุนี้กันสิคะ แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง เมนูพื้นบ้านที่มีสรรพคุณและประโยชน์มากมาย รวมถึงไขข่มดแดงที่มีโปรตีนสูง แกงผักหวานรสชาติหอมกลมกล่อม ซดแล้วโล่งคอ ทานกับข้าวสวยร้อนๆสะคะ อร่อยแน่นอน สนใจหรือสบถามได้ที่ร้านอาหารไทย-อีสาน The Home ที่สุดร้านอาหารไทยบรรยากาศดี ดนตรีเพราะ หลากหลายเมนูอร่อยถนน เลี่ยงเมือง เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี โทรสอบถามหรือจองโต๊ะได้ที่ 085-3113331 เปิดบริการทุกวัน 17:30 - 23:45 น.
วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561
รู้มั้ย!!ชะอมพืชสวนครัวที่มีประโยชน์ แต่ก็มีโทษเหมือนกัน
“ชะอม ”จัดเป็น พืชสวนครัว ที่สามารถปลูกเป็นแนวกั้น มียอดอ่อนให้ตัดกินได้ทุกฤดูกาล เป็นรั้วธรรมชาติที่กินได้ และยังเป็นพืชปลอดสารพิษที่หากินได้ง่าย ราคาไม่แพง ถึงแม้จะมีกลิ่นค่อนข้างแรง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูง ประกอบเมนูอาหารได้อย่างหลากหลาย อร่อย แถมยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย
ประโยชน์ของชะอม
1. ชะอมอุดมด้วยวิตามินเอ หากจะตามหาผักที่มีวิตามินเอสูงต้องห้ามมองข้ามชะอมเลยนะ เพราะอุดมด้วยวิตามินเอที่จะช่วยให้เราต่อสู้กับอนุมูลอิสระทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยบำรุงสายตาด้วย
2. ยอดอ่อนของชะอมมีสรรพคุณช่วยลดความร้อนในร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนที่เรามักนำมาทำอาหารกินกันมากที่สุด
3. ชะอมมีเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย ทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ แก้อาการท้องผูก
4. ประโยชน์ของชะอมช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ บรรเทาอาการปวดท้องหรือปวดเสียวในท้องได้ดี แก้อาการท้องอืดและท้องเฟ้อ
5. ชะอมช่วยบำรุงเส้นเอ็น อีกหนึ่งสรรพคุณที่โดดเด่นของชะอมคือ ช่วยบำรุงและรักษาเส้นเอ็นให้แข็งแรง ไม่เสื่อมเร็วกว่าที่ควร
6. ชะอมมีแคลเซียมสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อกระดูกและฟัน โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทองที่มีความเสี่ยงจะเกิดภาวะกระดูกพรุนได้ง่าย ถ้าอยากให้กระดูกและฟันแข็งแรงก็ต้องกินชะอมเป็นประจำ
7. ชะอมมีคุณสมบัติช่วยรักษาอาการลิ้นอักเสบและเป็นผื่นแดง
8. ในชะอมมีฟอสฟอรัส ที่ทำหน้าที่ช่วยเสริมให้วิตามินบีต่างๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
9. ชะอมมีธาตุเหล็ก ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยบำรุงเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นไปอย่างปกติ
10. ชะอมช่วยเสริมสร้างระบบของภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง ทำให้กำจัดเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น ไม่เจ็บป่วยง่าย เพราะฤทธิ์ของวิตามินซีที่มีอยู่มากในชะอมนั่นเอง
11. ประโยชน์ของชะอมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง และลดโอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจได้ด้วย เนื่องจากในชะอมมีสารสำคัญที่ชื่อว่า เบต้าแคโรทีน
12. สารเบต้าแคโรทีนในชะอมยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส แลดูอ่อนเยาว์ และป้องกันความแก่ก่อนวัย
13. ชะอมมีสรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผม ที่แห้งแตกปลาย ไม่มีน้ำหนัก ให้กลับมานุ่มสลวยได้
14. รากชะอมมีสรรพคุณแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ อีกทั้งการกินชะอมยังช่วยในการขับลมในกระเพาะและลำไส้ได้อีกด้วย
โทษของชะอม
1. สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรอ่อนๆ ไม่ควรรับประทานผักชะอม เพราะจะทำให้น้ำนมแห้งได้
2. สำหรับคุณแม่ลูกอ่อน จะแพ้กลิ่นของผักชะอมอย่างมาก ดังนั้นควรอยู่ห่างๆ
3. การรับประทานผักชะอมในช่วงหน้าฝน อาจจะมีรสเปรี้ยว กลิ่นฉุน บางครั้งอาจทำให้มีอาการปวดท้องได้ ซึ่งปกติคนมักนิยมรับประทานผักชะอมกันในช่วงหน้าร้อน
4. กรดยูริกเป็นตัวการที่ทำให้เกิดข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเกาต์ ซึ่งเกิดมาจากสารพิวรีน (Purine) โดยผักชะอมนั้นก็มีสารพิวรีนในระดับปานกลางถึงระดับสูง ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่จำกัด หากเป็นมากก็ไม่ควรรับประทาน เพราะจะทำให้ปวดกระดูกได้
5. อาจพบเชื้อก่อโรคอย่าง ซาลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งเป็นเชื้อที่สามารถพบได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อม เช่น ดิน น้ำ อากาศ เมื่อเรานำผักชะอมที่ปนเปื้อนสารชนิดนี้มาประกอบอาหารโดยไม่ล้างทำความสะอาดหลายๆ ครั้ง หรือไม่นำมาปรุงให้สุกก่อนรับประทาน อาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อชนิดได้ โดยผู้ที่ได้รับเชื้อชนิดอาจจะมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำสีเสียว หรือถ่ายเป็นมูกมีเลือดปน มีไข้ เป็นต้น
สุดท้ายนี้ผักชะอมถือได้ว่าเป็นอาหารที่ทำได้หลากหลายเมนูที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว เช่น ไข่ชะอม ไข่ทอดชะอม ชะอมชุบไข่ แกงส้มชะอมกุ้ง แกงส้มชะอมไข่ นำมาลวกหรือนึ่งใช้เป็นผักจิ้มกับน้ำพริก น้ำพริกกะปิ รับประทานร่วมกับส้มตำมะม่วง ตำส้มโอ หรือจะนำไปปรุงเป็นแกงรวมกับปลา เนื้อ ไก่ กบ เขียด หรือต้มเป็นอ่อม ทำแกงลาว แกงแค เป็นต้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
เม็ดแมงลัก สมุนไพรเด็ด ช่วยให้หุ่นสวย สุขภาพดี
เม็ดแมงลัก ไม่ได้มี สรรพคุณ ในการลดน้ำหนักโดยตรง แต่หากต้องการตัวช่วยเพื่อควบคุมการรับประทานอาหาร และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น เม็ดแมง...

-
ปลากะพงจัดอยู่ในปลาน้ำจืด ที่มี คุณค่าทางอาหาร สูงกว่าปลาทั่วๆ ไป เนื่องจากปลาชนิดอื่นๆ จำนวน 100 กรัม จะให้โปรตีนอยู่ที่ 17-22 กรัม ในขณะท...
-
หากจะพูดถึงอาหารทะเลที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้น "กุ้ง" (Shrimp) สุดยอดวัตถุดิบหลักที่มีประโยชน์ ซึ่งเมนูสร้างช...
-
สลัดหลวงพระบาง (ຍຳ ຜັກສະຫຼັດ ຫຼວງພະບາງ) นั้นเป็นอาหารที่มีชื่อบ่งบอกถึงภูมิศาสตร์ของอาหารว่าเป็นของเมืองหลวงพระบาง แต่ที่มาของอาหารจานนี้...